| เหตุผลการติดตามท่านอีซา ถ้าพี่น้องมุสลิมทุกคนมาช่วยกันพัฒนาฟื้นฟูอิสลามกันใหม่อีกครั้งเกี่ยวกับผู้ที่ติดตามท่านอีซา    
และผู้ที่ตามท่านนบีมูฮัมมัด
จะเป็นการดีถ้าทุกฝ่ายยอมรับซึ่งกันและกันได้      
ขณะนี้ได้เข้าสู่ยุคสุดท้ายแล้วที่เราควรต้องร่วมมือกันทำให้มุสลิมทั่วโลกได้กลับใจมาติดตามท่านอีซา      
มุสลิมทุกคนสามารถอยู่ร่วมกับสังคมอื่นได้แล้วบอกข่าวดีกับคนเหล่านั้นถึงเรื่องราวของท่านอีซา    
เป็นการรู้ซึ้งถึงหลักการที่แท้จริงของมุสลิม      
จะมีมุสลิมสักกี่คนที่กระตือรือร้น
และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยให้สังคมมุสลิมของเรา 
มีระเบียบแบบแผนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยอมรับซึ่งกันและกัน 
ให้อภัยกัน  เป็นผู้ที่รักสันติจริงๆ   
เกรงกลัวต่อบาป ทั้งบาปเล็กบาปใหญ่  ไม่พูดจาดูถูกกันและกัน 
หรือดูหมิ่นขนบธรรมเนียมประเพณีของพี่น้องมุสลิมด้วยกันเอง 
นี่จึงไม่ใช่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสังคมมุสลิม 
แต่ท่านนบีมูฮัมมัด (ซ.ล.) ยังได้กล่าวไว้ใน ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์
อายะฮ์ที่ 51 ; 57 ว่า 
  
  ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าได้ยึดเอาชาวยิว
และชาวคริสต์เป็นมิตร บางส่วนของพวกเขานั้นคือมิตรของอีกบางส่วน
และผู้ใดในหมู่พวกเจ้า  
เอาพวกเขามาเป็นมิตรแล้วไซร้แน่นอนผู้นั้นก็เป็นคนหนึ่งในพวกเขา 
แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่อธรรม
 ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงอย่าได้ยึดเอามาเป็นมิตร
ผู้ซึ่งถือเอาความศรัทธาของพวกเจ้าเป็นการเย้ยหยัน
 และเป็นการล้อเล่นจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนพวกเจ้า 
 และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
   และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิดหากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
 จากคัมภีร์ตอนนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งชาวยิว และคริสต์
ไม่สามารถเป็นมิตรกับมุสลิมได้แต่ก็ยังมีอายะฮ์บางตอนให้ยอมรับกับคริสเตียนได้   
เช่น   ในซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ อายะฮ์ที่ 82 ที่กล่าวว่า
  แน่นอนเจ้าจะพบว่าหมู่ชนที่เป็นศัตรูอันรุนแรงแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธานั้น  
คือชาวยิวและบรรดาผู้ที่ให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์ และแน่นอนเจ้าจะพบว่า
บรรดาผู้ที่มีความรักใคร่แก่บรรดาผู้ที่ศรัทธาใกล้กว่าพวกเขานั้นคือ
บรรดาผู้ที่กล่าวว่า แท้จริงพวกเราเป็นคริสต์
นั่นก็เพราะว่าในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดานักปราชญ์  และบาทหลวง 
และก็เพราะว่าพวกเขาไม่เย่อหยิ่ง
 ซูเราะฮ์อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ 52-53 ; 55
  
  
  ครั้นเมื่ออีซารู้สึกว่ามีการปฏิเสธศรัทธาเกิดขึ้นในหมู่พวกยิว
จึงได้กล่าวว่าใครบ้างจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปสู่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) 
บรรดาพวกเจ้าสาวกผู้บริสุทธิ์ใจกล่าวว่า   
พวกเราคือผู้ช่วยเหลืออัลลอฮ์
พวกเราศรัทธาต่ออัลลอฮ์แล้วและท่านจงเป็นพยานด้วยว่า
แท้จริงพวกเรานั้นคือผู้น้อมตามข้าแต่พระเจ้าของพวกข้าพระองค์
พวกข้าพระองค์ศรัทธาแล้วต่อสิ่งที่พระองค์ได้ประทานลงมาและพวกข้าพระองค์ก็ได้ปฏิเสธตามร่อซู้ลแล้ว
 โปรดทรงบันทึกพวกข้าพระองค์ ร่วมกับบรรดาผู้ที่กล่าวปฏิญาณยืนยันทั้งหลายด้วยเถิด
 จงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ์ตรัสว่า 
โอ้  !  อีซา  ข้าจะเป็นผู้รับเจ้าไปพร้อมด้วยชีวิต
และร่างกายของเจ้า และจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้า
และจะเป็นผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์พ้นจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา       
และจะเป็นผู้ให้บรรดาที่ปฏิบัติตามเจ้าเหนือผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
จนกระทั่งถึงวันกิยามะฮ์  
 แล้วยังข้านั้นคือการกลับไปของพวกเจ้า  
  แล้วข้าจะตัดสินระหว่างพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งกัน
 ซูเราะฮ์อัลฮะดีด อายะฮ์ที่ 27
 
  แล้วเราก็ได้ส่งบรรดาร่อซู้ลของเราติดตามร่องรอยของพวกเขา 
และเราได้ส่งอีซาอิบนฺมัรยัมตามมา และเราได้ประทานอินญีลให้แก่เขา
และเราได้บันดาลความสงสาร
และความเมตตาให้เกิดขึ้นในจิตใจของบรรดผู้ที่เชื่อฟังปฏิบัติตามเขา
 ซูเราะฮ์อัศศ็อฟ อายะฮ์ที่ 14
 
 
  โอ้บรรดาผูศรัทธาเอ๋ย 
จงเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮ์ ดังเช่น อีซาอิบนุมัรยัม
ได้กล่าวแก่บรรดาสาวกว่า
ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปยังอัลลอฮ์บ้าง  บรรดาสาวกได้กล่าวว่า
พวกเราเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮ์ 
ดังนั้นกลุ่มหนึ่งจากวงศ์วานอิสราเอลได้ศรัทธา
และอีกกลุ่มหนึ่งได้ปฏิเสธศรัทธา
แต่เราได้ช่วยเสริมกำลังแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้เหนือกว่าศัตรูของพวกเขาแล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้มีชัยชนะ
 มุสลิมทุกคนจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านอีซา 
ไม่เคยคิดดูหมิ่นศาสนาหรือศาสดาของตัวเอง
ถึงแม้ว่าบางครั้งไม่เห็นด้วยกับคำสอนในอัลกุรอ่านทั้งหมดแต่ได้รู้ความจริงว่า  
ผู้ที่ติดตามท่านอีซานั้นได้ใกล้ชิดกับความรักความเมตตาของพระเจ้ามากที่สุด 
ถ้ายกเอาถ้อยคำหรือ การกระทำอื่นมาพิสูจน์    
เราจะเห็นได้จากพระเจ้าของท่านนบีอิบรอฮีม  
อิสฮัก   ยะอ์กุ๊บ   
พวกท่านเหล่านี้ต้องยอมจำนนต่อพระเจ้า 
แสดงให้เห็นว่าความรักคือ  ทางนั้น   
เป็นไทจากการผูกมัดของโลกดุนยาอ่อนน้อมถ่อมตน 
มีความปรารถนาที่จะขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า 
มีวิญญาณที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าคอยปกป้องต่อสู้กับชัยฏอน   
มีความหวังว่าจะมีชัยเหนือทุกสิ่งที่ชั่วร้ายได้
ด้วยจิตใจที่เมตตากรุณา 
ถ้าเราเป็นดั่งนี้ได้เราจะเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง . . . . . .
จากสิ่งที่อยู่ในใจสำคัญมาก
เป็นการบอกกล่าวกับพี่น้องมุสลิมเพราะผู้ที่ติดตามพระเจ้าที่ดีนั้น
ต้องรับฟังคำตักเตือน หรือคำสั่งสอนจากคัมภีร์ใน อินญีล 2
ทิมโมธี บทที่ 2 ข้อที่ 23-26  กล่าวว่า
 อย่าข้องแวะกับปัญหาอันโง่เขลาและไม่เป็นสาระ 
ด้วยรู้แล้วว่าปัญหาเหล่านั้นก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน 
แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน
ชี้แจงให้ฝ่ายตรงกันข้ามเข้าใจด้วยความสุภาพว่าพระเจ้าอาจจะทรงโปรดให้เขากลับใจ
และมาถึงซึ่งความจริง และหลุดพ้นจากบ่วงมาร 
ผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน. . . .
                อินญีล
ทิตัส บทที่ 3 ข้อที่ 1-2 จงเตือนเขาให้นอบน้อมต่อเจ้าบ้านผ่านเมือง
ให้เชื่อฟังและพร้อมที่จะปฏิบัติงานสัมมาอาชีพใดๆ 
อย่าให้เขาว่าร้ายผู้ใด อย่าให้เป็นคนมักทะเลาะวิวาทกัน
แต่ให้เป็นคนสุภาพแสดงอัธยาศัยไมตรีอันดีงาม. . .
                  
การอ่าน  การศึกษา และรวบรวมเรื่องราวต่างๆ
เข้าด้วยกันช่วยให้พี่น้องได้มีประสบการณ์มากขึ้นซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าผู้ติดตามท่านอีซามักโดนข่มเหงมากเป็นพิเศษ 
จากคำพูดของผู้นำศาสนาบางคนที่จะมีข้อซักถาม  
สงสัย   อยากรู้ ว่าทำไมต้องไปติดตามท่านอีซา 
อย่างไรก็ตามสิ่งนั้นเป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่เป็นการพิสูจน์ที่ดี
และง่ายที่จะได้เห็นชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากการที่หันมาติดตามท่านอีซา 
                  ความเพียรพยายามที่เกิดขึ้นทุกครั้งให้เราทำเหมือนว่า    
ท่านอีซาคือเพื่อนสนิทที่อยู่ดูแลเราตลอดเวลา 
การได้ชี้แจงเหตุผลควรใช้วาจาที่รักษาความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันและกันไว้ 
จะช่วยให้เรามีมิตรภาพที่ยั่งยืนกับพี่น้อง 
ผลลัพธ์ที่ออกมาดีมากเท่าไหร่     
ยิ่งจะช่วยให้เราเกรงใจซึ่งกันและกัน   
ทุกๆครั้งให้เราปฏิบัติต่อกันด้วยความรักที่พระเจ้ามอบให้     
สิ่งไหนที่ไม่สามารถเปิดใจได้ก็ขอให้ใช้ความเป็นจริงมากที่สุด     
และในการมีสัมพันธภาพของการเป็นมิตรแท้นั้นคือต้องยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน 
ทุกๆเรื่องราวนั้นมีประโยชน์ให้ตอบด้วยความจริงใจต่อคำถามที่ถูกถามมา
ซึ่งมุสลิมรู้อยู่แล้วแต่ถ้าต้องการรู้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้นขอให้เปิดใจและมี
 ทัศนคติที่เปิดกว้าง  แน่นอนว่าในใจลึกๆนั้น 
ปรารถนาที่อยากจะรู้ความจริงของอินญีลซึ่งที่สุดแล้ว 
ความปรารถนาลึกๆนั้น
จะนำไปสู่หนทางแห่งความเป็นจริงของการช่วยให้หลุดพ้นจากบาปโดยท่าน อีซา
อัลมะซีฮ์
 ซึ่งความจริงบรรดาผู้ที่ติดตามท่านอีซาทุกคนไม่ได้มีสิทธิอำนาจใดๆในโลกดุนยานี้ 
แต่สิ่งที่พวกเขามีและได้รับก็คือ    ภาระต่างๆ
ที่ได้ถูกวางลง และได้ถูกปลดออกโดยฝากไว้กับท่านอีซา 
พวกเขาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าที่ได้สำแดงให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่ทรงใช้   
และยกโทษบาปให้พวกเขาในนามของท่านอีซาพวกเขาจึงไม่ถูกตัดสินในวันกิยามะฮ์ 
นี่คือทูตของพระเจ้า ประกาศข่าวแห่งการคืนดีกัน
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงต้องคืนดีกับพระเจ้าก่อน
แล้วแผ่นดินของพระเจ้าจะครองจิตใจของเราทุกคน
 |